วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559
นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำชุมชน ประชาชน กว่า 30,000 คน ร่วมกันเดินขึ้นอ่างเก็บน้ำลำพะยัง ตอนบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ ต่างพากันถือรูปพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จากนั้นได้พากันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีกันอย่างกึกก้อง หลายคนหลั่งน้ำตาด้วยความอาลัยต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมกันนี้ยังได้ร่วมกันร้องเพลงใต้ร่มพระบารมีที่กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นเพลงที่แต่งขึ้นเพื่อให้ชาวกาฬสินธุ์ได้รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์มีต่อชาวกาฬสินธุ์ จนทำให้คนกาฬสินธุ์ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีและประกาศที่จะเดินตามรอยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในการน้อมน้ำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวัน
นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อชาวกาฬสินธุ์ ทรงพระราชทานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริทำให้ราษฎรชาวกาฬสินธุ์มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สำหรับบทเพลง "ใต้ร่มพระบารมีที่กาฬสินธุ์” เนื้อเพลงจะแสดงถึงความอาลัยของชาวกาฬสินธุ์ที่มีต่อพระองค์ท่านที่เสด็จมาในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ในราวปี 2497 ต่อเนื่องมาถึงปี 2519 ตามเส้นทางประวัติศาสตร์ ได้ก่อกำเนิดฝนหลวง โครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ ไปจึงถึงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำลำพะยัง ตอนบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กับ อุโมงค์ผันน้ำลำพะยังภูมิพัฒน์ ซึ่งเป็นการผันน้ำผ่านภูเขาระยะทาง 710 เมตร และยังมีโครงการหนองเลิงเปือยและอีกหลายโครงการที่พระองค์ได้ทรงเมตตาต่อพสกนิกรจังหวัดกาฬสินธุ์
วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559
น้ำตกผานางคอย เป็นน้ำตกขนาดใหญ่บนภูเขา เส้นทางขึ้นเขาช่วงก่อนถึงต ัวน้ำตกเป็นทางสูงชันและโขด หิน ในฤดูฝนต้องจอดรถที่ลานจอดร ถด้านล่าง แล้วเดินขึ้นไปอีกราว 150 ม.
- เดือน ก.พ.-พ.ค. มีน้ำน้อยหรืออาจไม่มีเลย
เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ เป็นหน้าผาสูงไหลมาจากเทือก เขาภูพาน แบ่งออกเป็นชั้นๆ มีความสวยงามมาก สภาพป่าโดยรอบเขียวขจีอุดมส มบูรณ์ ลักษณะเด่นคือ จะมีน้ำไหลตลอดปีแม้ในฤดูแล ้ง แถมยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวท ี่เพิ...่งค้นพบเมื่อไม่นานมานี้ ถูกค้นพบประมาณปลายปี พ.ศ.2535 อีกด้วย น้ำตกผานางคอยนั้นบนยอดผาเป ็นที่ตั้งของสำนักสงฆ์ ผาเจริญธรรม ทางขึ้นมีบันไดหลายร้อยขั้น เพื่อนำมาใช้วัดใจกันกับนัก ท่องเที่ยวที่บุกบั่น และกำลังอยากที่จะต้องการเข ้าไปเชยชมทัศนียภาพที่สวยงา มของธรรมชาติ ให้นักท่องเที่ยวได้ออกกำลั งกายเรียกเหงื่อน้อยๆ
ทางเดินขึ้นน้ำตกผานางคอย มีบันไดหลายร้อยขั้น น้ำตกผานางคอย
ชั้นที่ 1 เป็นชั้นด้านล่างสุดติดกับห ้วย ไหลไปตามทุ่งนาผ่านหมู่บ้าน ถึง 3 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านนางาม บ้านดอนแคน บ้านชาด ซึ่งชาวบ้านทั้งสามหมู่บ้าน นี้สามารถนำน้ำในห้วยไปใช้เ ป็นประโยชน์ได้
ชั้นที่ 2 เป็นชั้นที่มีคนอยู่เยอะที่ สุด เพราะชั้นนี้มีความสวยงามมา กกว่าทุกชั้น และมีน้ำไหลลงมาจากหน้าผาสู งเป็นสายสวยงาม นักท่องเที่ยวจึงชอบมาถ่ายร ูปบริเวณนี้ หรือชั้นนี้กันมาก
ชั้นที่ 3 เป็นชั้นที่นักท่องเที่ยวที ่ไม่เคยมาเที่ยวส่วนใหญ่ขึ้ นไปไม่ค่อยถึง อาจเป็นเพราะห่างจากชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 อยู่มาก ซึ่งชั้นที่ 3 นี้จะเป็นชั้นที่ต่อจากห้วย ที่น้ำไหลออกมาจากอ่างเก็บน ้ำ “อ่างเก็บน้ำเหล่าหลุ่บ” อ่างเก็บน้ำนี้จะเก็บน้ำจาก ห้วยและแหล่งน้ำต่างๆ ที่ไหลลงมาจากเขาอีกทีหนึ่ง และชาวบ้านนางามยังได้นำน้ำ จากอ่างเก็บน้ำนี้มาใช้ในหม ู่บ้านในรูปแบบประปาภูเขาอี กด้วย
ที่ตั้งและการเดินทาง
-บ้านนางงาม ต.บ่อแก้ว กิ่ง อ.นาคู
รถยนต์ส่วนตัว
จากกิ่ง อ.นาคูใช้ถนน รพช.ไปทางบ้านหินลาดพัฒนา เลยบ้านหินลาดฯ ไปประมาณ 6 กม. ถึงบริเวณน้ำตก
รถประจำทาง
ขึ้นรถสายกาฬสินธุ์-นาคู ลงรถที่ตัวกิ่งอำเภอ แล้วต่อรถรับจ้าง
สิ่งน่าสนใจ
น้ำตกอยู่ในลำห้วยยาง ซึ่งต้นน้ำไหลมาจากหุบเขาที ่อยู่ระหว่างเขาภูชันและเขา ภูงอยบนเทือกเขาภูพาน เป็นน้ำตกขนาดใหญ่สวยงามบนเ ขาสูง สายน้ำไหลจากหน้าผาซอกซอนไป ตามแก่งหินขนาดใหญ่ ด้านล่างน้ำตกใกล้ลานจอดรถม ีบริเวณที่ลงเล่นน้ำได้ บรรยากาศเป็นป่าเขาร่มรื่น
- เดือน ก.พ.-พ.ค. มีน้ำน้อยหรืออาจไม่มีเลย
เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ เป็นหน้าผาสูงไหลมาจากเทือก
ทางเดินขึ้นน้ำตกผานางคอย มีบันไดหลายร้อยขั้น น้ำตกผานางคอย
ชั้นที่ 1 เป็นชั้นด้านล่างสุดติดกับห
ชั้นที่ 2 เป็นชั้นที่มีคนอยู่เยอะที่
ชั้นที่ 3 เป็นชั้นที่นักท่องเที่ยวที
ที่ตั้งและการเดินทาง
-บ้านนางงาม ต.บ่อแก้ว กิ่ง อ.นาคู
รถยนต์ส่วนตัว
จากกิ่ง อ.นาคูใช้ถนน รพช.ไปทางบ้านหินลาดพัฒนา เลยบ้านหินลาดฯ ไปประมาณ 6 กม. ถึงบริเวณน้ำตก
รถประจำทาง
ขึ้นรถสายกาฬสินธุ์-นาคู ลงรถที่ตัวกิ่งอำเภอ แล้วต่อรถรับจ้าง
สิ่งน่าสนใจ
น้ำตกอยู่ในลำห้วยยาง ซึ่งต้นน้ำไหลมาจากหุบเขาที
วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2559
พิธีบายศรีสู่ขวัญข้าวคูนลา
การเตรียมการสร้าง "ปราสาทข้าว" เพื่อใช้ในการประกอบพิธีบุญ
วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2559
เสื้อเย็บมือผู้ไทบ้านเหล่าใหญ่ บ้านศรีปทุม หมู่ที่ 7 ตำบลเหล่าใหญ่ อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นงานหัตถกรรมพื้นบ้านที่ถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษของชนเผ่าผู้ไท ในวัฒนธรรมผู้ไทก่อนจะมีเหย้ามีเรือนหญิงสาวชาวผู้ไทจะต้องฝึกฝนงานบ้านงานเรือน เช่น เข็นฝ้าย ทอหูก ทอผ้า ตัดเย็บเสื้อผ้าไว้ใช้เองในครัวเรือน ถ้าหญิงสาวใดมีฝีมือดีก็จะเป็นที่หมายตาของชายหนุ่มในการเลือกเป็นคู่ครอง
นอกจากนี้เมื่อมีงานบุญประเพณี โดยเฉพาะการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลแด่บุพการีผู้ล่วงลับดับขันธ์ไป ก็จะตัดเย็บเสื้อมาปักลายประดับให้สวยงามเย็บอย่างประณีต เพื่อหวังจะได้บุญกุศลมากๆ หรือเมื่อจะเข้าพิธีแต่งงานหญิงสาวชาวผู้ไท จะทำเครื่องเรือน เช่น ผ้าห่ม แพรถือ ซิ่นไหมมัดหมี่ โดยเฉพาะการเย็บเสื้อด้วยมือจะทำอย่าพิถีพิถัน เพื่อใช้ถมนาบุญคุณญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าว ดังนั้นการเย็บเสื้อด้วยมือจึงเป็นผลงานของสตรีชาวผู้ไทที่ได้รับการถ่ายทอดจากบรรพบุรุษจากรุ่นสู่รุ่นมาถึงปัจจุบัน เมื่อมีผู้มาพบเห็นต่างชื่นชมในฝีมือการเย็บที่มีความประณีตและสวยงาม เมื่อนำมาสวมใส่ก็ได้รับการชมเชยว่ามีความสวยงาม ใส่ได้ทุกโอกาส ทุกงาน แถมยังราคาถูก
ต่อมาในปี พ.ศ. 2540 แม่บ้านบ้านศรีปทุม หมู่ที่ 7 ตำบลเหล่าใหญ่ อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้รวมตัวกันตั้งกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองขึ้น โดยการสนับสนุนของสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอกุฉินารายณ์ เพื่อจะสร้างรายได้ให้กับชุมชน มีคุณยาย กอง แสบงบาล เป็นประธานกลุ่ม กลุ่มแม่บ้านจะทำการทอผ้าแล้วแปรรูปเป็นเสื้อผู้ไทประยุกต์ แต่เดิมเสื้อผู้ไทโบราณจะตัดเย็บเพื่อสวมใส่เองในครอบครัว ต่อมามีผู้สนใจอยากจะได้ไปเป็นเจ้าของ จึงเกิดการตัดเย็บเพื่อจำหน่าย มีการพัฒนาลวดลายจากการใช้ได้เย็บสีเดียวมาเป็นหลายหลายสี ลายโบราณพื้นบ้านพัฒนาเป็นลายที่ทันสมัย แปลกใหม่ ตรงกับความต้องการของลูกค้า เมื่อปี พ.ศ. 2545 ได้ขยายเครือข่ายการทอผ้าเสื้อเย็บมือไปทั้ง 12 หมู่บ้าน ในเขตตำบล และในชุมชนที่มีความสนใจ เสื้อเย็บมือ ได้รับความนิยมเมื่อคุณครู ประคอง นนทมาตย์ ได้นำด้ายเย็บหลากสี ใช้สีแดงเป็นหลัก เอกลักษณ์ผ้าผู้ไทคือผ้าพื้นสีดำ ส่วนลวดลายก็จะเย็บหลากหลาย เช่น ลายพญานาค ลายมังกร ลายดอกมะลิ ฯลฯ ทำให้เพิ่มความสวยงาม คุณค่า และมูลค่ามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้สวมเสื้อผ้าชุดประจำชนเผ่าชาวผู้ไท ในงานวันผู้ไทนานาชาติที่อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ จึงเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในหมู่ลูกค้า จนผลิตไม่ทันกับความต้องการของลูกค้า ทางกลุ่มจึงได้มีการถ่ายทอดภูมิปัญญานี้ ฝึกสอนให้เยาวชนหรือผู้สนใจรุ่นหลัง ทำให้คนในชุมชนและชุมชนข้างเคียงมีงานทำและรายได้ตลอดปี
ปัจจุบันทางกลุ่มมีการจัดจำหน่ายเสื้อเย็บมือไปยังตลาดต่างๆ ทำให้ลูกค้ารู้จักในวงกว้าง ทำให้เสื้อเย็บมือเป็นเอกลักษณ์ของชาวผู้ไทตำบลเหล่าใหญ่ ทางชุมชนมีการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นและวัฒนธรรมนี้ไว้ให้ลูกหลานได้สืบทอดต่อไปไม่ให้สูญหายไปตามกาลเวลา
นอกจากนี้เมื่อมีงานบุญประเพณี โดยเฉพาะการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลแด่บุพการีผู้ล่วงลับดับขันธ์ไป ก็จะตัดเย็บเสื้อมาปักลายประดับให้สวยงามเย็บอย่างประณีต เพื่อหวังจะได้บุญกุศลมากๆ หรือเมื่อจะเข้าพิธีแต่งงานหญิงสาวชาวผู้ไท จะทำเครื่องเรือน เช่น ผ้าห่ม แพรถือ ซิ่นไหมมัดหมี่ โดยเฉพาะการเย็บเสื้อด้วยมือจะทำอย่าพิถีพิถัน เพื่อใช้ถมนาบุญคุณญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าว ดังนั้นการเย็บเสื้อด้วยมือจึงเป็นผลงานของสตรีชาวผู้ไทที่ได้รับการถ่ายทอดจากบรรพบุรุษจากรุ่นสู่รุ่นมาถึงปัจจุบัน เมื่อมีผู้มาพบเห็นต่างชื่นชมในฝีมือการเย็บที่มีความประณีตและสวยงาม เมื่อนำมาสวมใส่ก็ได้รับการชมเชยว่ามีความสวยงาม ใส่ได้ทุกโอกาส ทุกงาน แถมยังราคาถูก
ต่อมาในปี พ.ศ. 2540 แม่บ้านบ้านศรีปทุม หมู่ที่ 7 ตำบลเหล่าใหญ่ อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้รวมตัวกันตั้งกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองขึ้น โดยการสนับสนุนของสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอกุฉินารายณ์ เพื่อจะสร้างรายได้ให้กับชุมชน มีคุณยาย กอง แสบงบาล เป็นประธานกลุ่ม กลุ่มแม่บ้านจะทำการทอผ้าแล้วแปรรูปเป็นเสื้อผู้ไทประยุกต์ แต่เดิมเสื้อผู้ไทโบราณจะตัดเย็บเพื่อสวมใส่เองในครอบครัว ต่อมามีผู้สนใจอยากจะได้ไปเป็นเจ้าของ จึงเกิดการตัดเย็บเพื่อจำหน่าย มีการพัฒนาลวดลายจากการใช้ได้เย็บสีเดียวมาเป็นหลายหลายสี ลายโบราณพื้นบ้านพัฒนาเป็นลายที่ทันสมัย แปลกใหม่ ตรงกับความต้องการของลูกค้า เมื่อปี พ.ศ. 2545 ได้ขยายเครือข่ายการทอผ้าเสื้อเย็บมือไปทั้ง 12 หมู่บ้าน ในเขตตำบล และในชุมชนที่มีความสนใจ เสื้อเย็บมือ ได้รับความนิยมเมื่อคุณครู ประคอง นนทมาตย์ ได้นำด้ายเย็บหลากสี ใช้สีแดงเป็นหลัก เอกลักษณ์ผ้าผู้ไทคือผ้าพื้นสีดำ ส่วนลวดลายก็จะเย็บหลากหลาย เช่น ลายพญานาค ลายมังกร ลายดอกมะลิ ฯลฯ ทำให้เพิ่มความสวยงาม คุณค่า และมูลค่ามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้สวมเสื้อผ้าชุดประจำชนเผ่าชาวผู้ไท ในงานวันผู้ไทนานาชาติที่อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ จึงเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในหมู่ลูกค้า จนผลิตไม่ทันกับความต้องการของลูกค้า ทางกลุ่มจึงได้มีการถ่ายทอดภูมิปัญญานี้ ฝึกสอนให้เยาวชนหรือผู้สนใจรุ่นหลัง ทำให้คนในชุมชนและชุมชนข้างเคียงมีงานทำและรายได้ตลอดปี
ปัจจุบันทางกลุ่มมีการจัดจำหน่ายเสื้อเย็บมือไปยังตลาดต่างๆ ทำให้ลูกค้ารู้จักในวงกว้าง ทำให้เสื้อเย็บมือเป็นเอกลักษณ์ของชาวผู้ไทตำบลเหล่าใหญ่ ทางชุมชนมีการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นและวัฒนธรรมนี้ไว้ให้ลูกหลานได้สืบทอดต่อไปไม่ให้สูญหายไปตามกาลเวลา
วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559
ชนเผ่าภูไท หรือ ผู้ไท (Phutai) ถิ่นฐานดั้งเดิมของชาวภูไทเดิมอยู่ในแคว้นสิบสองจุไทย และแค้นสิบสองปันนา (ดินแดนส่วนเหนือของลาวและเวียดนาม ซึ่งติดต่อกับส่วนใต้ของประเทศจีน) ราชอาณาจักไทยได้สูญเสียดินแดนแค้วนสิบสองจุไทยให้ฝรั่งเศส เมื่อ ร.ศ. 107 (พ.ศ. 2431) ภูไท มีถิ่นฐานอยู่ในเขตจังหวัดนครพนม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร สกลนคร และบางส่วนกระจายอยู่ในเขตจังหวัดหนองคาย อำนาจเจริญ อุบลราชธานี อุดรธานี ร้อยเอ็ด และยโสธร เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่รักษาวัฒนธรรมของ ตนไว้ได้อย่างดี
การแต่งกาย
ผู้ชายนิยมนุ่งกางเกงขาก๊วย สีดำหรือนุ่งโสร่งตาหมากรุก เสื้อใช้ผ้าสีครามหรือดำชนิดเดียวกับกางเกง สวมเสื้อคอกลมแคบชิดคอหรือคอจีน ตัวเสื้อผ่าอกตลอด ชายเสื้อผ่าข้าง จะเป็นแขนยาวหรือแขนสั้นก็ได้ มีผ้าคาดเอว และโพกศีรษะ ผู้ชายโบราณมักนิยมสักแขนขา ลายด้วย หมึกสีดำ แดง ถือเป็นเครื่องรางและแสดงออกถึงความเป็นชายชาตรี
ผู้หญิง นิยมนุ่งผ้าซิ่นที่ทำจากผ้า ซึ่งลักษณะเด่นของซิ่นภูไท คือ การทอและลวดลายเช่น ทอเป็นลายนาคเล็กๆ นอกจากนี้มีลายอื่น ๆ เช่น หมี่ปลา หมี่กระจัง หมี่ข้อ หมี่ขอ ทำเป็นหมี่คั่นหรือหมี่ลวด ต่อด้วยหัวซิ่นและตีนซิ่นทั้งขิดและจก นอกจากนี้ยังพบผ้ามัดหมี่ฝ้ายสีขาวสลับดำย้อมใบครามหรือมะเกลือสีดำ เย็บต่อด้วยหัวซิ่นตีนซิ่น
วันพุธที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2559
สวนสะออน เป็นสวนสัตว์เปิดในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าลำปาว อยู่ด้านตะวันออกของอ่างเก็บน้ำเขื่อนลำปาว นอกจากจะได้ชมสัตว์ป่าในบรรยากาศธรรมชาติแล้ว ริมทะเลสาบยังมีบรรยากาศร่มรื่นเหมาะแก่การพักผ่อนชมทิวทัศน์ ที่ตั้งและการเดินทาง ฝั่งตะวันออกของสันเขื่อนลำปาวตรงรอยต่อระหว่าง อ.เมือง และ อ.สหัสขันธ์
ประวัติ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าลำปาวได้รับการกำหนดให้เป็นเขตห้ามล่าตามประกาศกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันที่ 16 ก.ค.2531 มีพื้นที่รับผิดชอบทั้งสิ้น 210,938 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่สองจังหวัดคือ จ.กาฬสินธุ์ ในเขต อ.เมือง อ.สหัสขันธ์ อ.ท่าคันโท อ.หนองกุงศรี อ.ยางตลาด กิ่ง อ.สามชัย อ.ห้วยเม็กและ จ.อุดรธานี ในเขต อ.วังสามหมอ อ.ศรีธาตุ อ.กุมภวาปี สภาพโดยทั่วไปเป็นพื้นน้ำทะเลสาบทั้งหมดของเขื่อนลำปาว โดยมีป่าเต็งรังประมาณ 1,600 ไร่ รวมพื้นที่ของสถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าอยู่บริเวณทิศตะวันออกของอ่างเก็บน้ำเขื่อนลำปาว มีเนื้อที่ 1,420 ไร่ มีสภาพเป็นป่าเต็งรังหรือป่าแดงที่ค่อนข้างสมบูรณ์ มีสวนสัตว์เปิดที่มีสัตว์ป่าที่เป็นเอกลักษณ์ของสวนสะออน คือ วัวแดง ซึ่งเป็นสัตว์หายากมีอยู่มากกว่า 130 ตัว นักท่องเที่ยวสามารถชมวัวแดงได้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากมันไม่มีลักษณะดุร้าย นอกจากนั้นยังมีสัตว์ชนิดอื่น ๆ ได้แก่ ชะนี ลิง นกชนิดต่าง ๆ ทั้งที่เลี้ยงไว้และนกที่มาตามฤดูกาล มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้นักท่องเที่ยวได้เดินชม สวนสะออนเปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 07.00-18.00 น. ไม่เสียค่าเข้าชม สถานีฯ มีบ้านพักและสถานที่ตั้งแคมป์บริการ โดยต้องทำจดหมายขออนุญาตล่วงหน้าถึง หัวหน้าสถานีพัฒนาและส่งเสริมการอนุรักษ์สัตว์ป่าลำปาว ตู้ ปณ. 120 อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ 46000 หรือผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช
ขั้นตอนพัฒนาระบบสารสนเทศ
ปัญหาเบื้องต้น
ผู้คนส่วนใหญ่ยังเข้าไม่ถึงสื่อประชาสัมพันธ์ ยังไม่มีค่าใช่จ่ายใดๆในเพทและบล็อก
วิเคราะห์ความต้องการ
จุดเด่น คือการกระจ่ายข่าวสารที่ใกล้ตัวประชาชน ระบุความต้องการของประชาชนได้แบบเจาะจงคือกลุ่มนักท่องเที่ยว
จุดด้อย คือผู้คนยังไม่เข้าถึงข่าวสารอย่างกว้างขวางทำให้การประชาสัมพันธ์ขององค์กรเกิดปัญหา
การออกแบบระบบ
ระบบมีการควบคุมโดยมีแอดมินเพียงผู้เดียวเพื่อป้องการปัญหาข้อมูลซ้ำและผิดพลาด
การจัดหาอุปกรณ์
ได้แก่ โน๊ตบุ๊ค คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟนและแอพพิเคชั่น facebook twitterและblog
การติดตั้งและบำรุงรักษา
การจัดทำระบบนี้เป็นไปตามวัตถุประสงค์เพื่อสื่อสาร ประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดกาฬสินธุ์
การประเมินผลเช็คจากการเข้าชมและกดไลค์ใน เพทและบล็อก
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)





