วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2559




พิธีบายศรีสู่ขวัญข้าวคูนลา
การเตรียมการสร้าง "ปราสาทข้าว" เพื่อใช้ในการประกอบพิธีบุญบายศรีสู่ขวัญคูนลานนั้น จะเป็นการอาศัยแรงศรัทธาและพลังความสามัคคีจากคนในชุมขนในการร่วมกิจกรรมในโครงการ พร้อมทำการคัดและมัดรวงข้าวที่สมบูรณ์ ซึ่งได้จากศรัทธาของชาวบ้านที่นำมารวบรวมกันไว้ที่วัด จากนั้นนำมาประดับตกแต่งอย่างประณีตจนกลายเป็นปราสาทข้าวขนาดใหญ่ ซึ่งใช้ระยะเวลาการสร้างโดยประมาณ 2 เดือน นับจากวันเริ่มต้นสู่วันเสร็จสมบูรณ์ จึงถือได้ว่าการประกอบพิธีบุญบายศรีสู่ขวัญคูนลาน เป็นผลงานศิลปะชั้นเยี่ยมที่สะท้อนถึงพลังแห่งศรัทธาและความสามัคคีในชุมชนได้เป็นอย่างดี


วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2559




เสื้อเย็บมือผู้ไทบ้านเหล่าใหญ่ บ้านศรีปทุม หมู่ที่ 7 ตำบลเหล่าใหญ่ อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นงานหัตถกรรมพื้นบ้านที่ถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษของชนเผ่าผู้ไท ในวัฒนธรรมผู้ไทก่อนจะมีเหย้ามีเรือนหญิงสาวชาวผู้ไทจะต้องฝึกฝนงานบ้านงานเรือน เช่น เข็นฝ้าย ทอหูก ทอผ้า ตัดเย็บเสื้อผ้าไว้ใช้เองในครัวเรือน ถ้าหญิงสาวใดมีฝีมือดีก็จะเป็นที่หมายตาของชายหนุ่มในการเลือกเป็นคู่ครอง
นอกจากนี้เมื่อมีงานบุญประเพณี โดยเฉพาะการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลแด่บุพการีผู้ล่วงลับดับขันธ์ไป ก็จะตัดเย็บเสื้อมาปักลายประดับให้สวยงามเย็บอย่างประณีต เพื่อหวังจะได้บุญกุศลมากๆ หรือเมื่อจะเข้าพิธีแต่งงานหญิงสาวชาวผู้ไท จะทำเครื่องเรือน เช่น ผ้าห่ม แพรถือ ซิ่นไหมมัดหมี่ โดยเฉพาะการเย็บเสื้อด้วยมือจะทำอย่าพิถีพิถัน เพื่อใช้ถมนาบุญคุณญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าว ดังนั้นการเย็บเสื้อด้วยมือจึงเป็นผลงานของสตรีชาวผู้ไทที่ได้รับการถ่ายทอดจากบรรพบุรุษจากรุ่นสู่รุ่นมาถึงปัจจุบัน เมื่อมีผู้มาพบเห็นต่างชื่นชมในฝีมือการเย็บที่มีความประณีตและสวยงาม เมื่อนำมาสวมใส่ก็ได้รับการชมเชยว่ามีความสวยงาม ใส่ได้ทุกโอกาส ทุกงาน แถมยังราคาถูก
ต่อมาในปี พ.ศ. 2540 แม่บ้านบ้านศรีปทุม หมู่ที่ 7 ตำบลเหล่าใหญ่ อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้รวมตัวกันตั้งกลุ่มทอผ้าพื้นเมืองขึ้น โดยการสนับสนุนของสำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอกุฉินารายณ์ เพื่อจะสร้างรายได้ให้กับชุมชน มีคุณยาย กอง แสบงบาล เป็นประธานกลุ่ม กลุ่มแม่บ้านจะทำการทอผ้าแล้วแปรรูปเป็นเสื้อผู้ไทประยุกต์ แต่เดิมเสื้อผู้ไทโบราณจะตัดเย็บเพื่อสวมใส่เองในครอบครัว ต่อมามีผู้สนใจอยากจะได้ไปเป็นเจ้าของ จึงเกิดการตัดเย็บเพื่อจำหน่าย มีการพัฒนาลวดลายจากการใช้ได้เย็บสีเดียวมาเป็นหลายหลายสี ลายโบราณพื้นบ้านพัฒนาเป็นลายที่ทันสมัย แปลกใหม่ ตรงกับความต้องการของลูกค้า เมื่อปี พ.ศ. 2545 ได้ขยายเครือข่ายการทอผ้าเสื้อเย็บมือไปทั้ง 12 หมู่บ้าน ในเขตตำบล และในชุมชนที่มีความสนใจ เสื้อเย็บมือ ได้รับความนิยมเมื่อคุณครู ประคอง นนทมาตย์ ได้นำด้ายเย็บหลากสี ใช้สีแดงเป็นหลัก เอกลักษณ์ผ้าผู้ไทคือผ้าพื้นสีดำ ส่วนลวดลายก็จะเย็บหลากหลาย เช่น ลายพญานาค ลายมังกร ลายดอกมะลิ ฯลฯ ทำให้เพิ่มความสวยงาม คุณค่า และมูลค่ามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้สวมเสื้อผ้าชุดประจำชนเผ่าชาวผู้ไท ในงานวันผู้ไทนานาชาติที่อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ จึงเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในหมู่ลูกค้า จนผลิตไม่ทันกับความต้องการของลูกค้า ทางกลุ่มจึงได้มีการถ่ายทอดภูมิปัญญานี้ ฝึกสอนให้เยาวชนหรือผู้สนใจรุ่นหลัง ทำให้คนในชุมชนและชุมชนข้างเคียงมีงานทำและรายได้ตลอดปี
ปัจจุบันทางกลุ่มมีการจัดจำหน่ายเสื้อเย็บมือไปยังตลาดต่างๆ ทำให้ลูกค้ารู้จักในวงกว้าง ทำให้เสื้อเย็บมือเป็นเอกลักษณ์ของชาวผู้ไทตำบลเหล่าใหญ่ ทางชุมชนมีการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นและวัฒนธรรมนี้ไว้ให้ลูกหลานได้สืบทอดต่อไปไม่ให้สูญหายไปตามกาลเวลา

วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559



ชนเผ่าภูไท หรือ ผู้ไท (Phutai) ถิ่นฐานดั้งเดิมของชาวภูไทเดิมอยู่ในแคว้นสิบสองจุไทย และแค้นสิบสองปันนา (ดินแดนส่วนเหนือของลาวและเวียดนาม ซึ่งติดต่อกับส่วนใต้ของประเทศจีน) ราชอาณาจักไทยได้สูญเสียดินแดนแค้วนสิบสองจุไทยให้ฝรั่งเศส เมื่อ ร.ศ. 107 (พ.ศ. 2431) ภูไท มีถิ่นฐานอยู่ในเขตจังหวัดนครพนม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร สกลนคร และบางส่วนกระจายอยู่ในเขตจังหวัดหนองคาย อำนาจเจริญ อุบลราชธานี อุดรธานี ร้อยเอ็ด และยโสธร เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่รักษาวัฒนธรรมของ ตนไว้ได้อย่างดี

การแต่งกาย

ผู้ชายนิยมนุ่งกางเกงขาก๊วย สีดำหรือนุ่งโสร่งตาหมากรุก เสื้อใช้ผ้าสีครามหรือดำชนิดเดียวกับกางเกง สวมเสื้อคอกลมแคบชิดคอหรือคอจีน ตัวเสื้อผ่าอกตลอด ชายเสื้อผ่าข้าง จะเป็นแขนยาวหรือแขนสั้นก็ได้ มีผ้าคาดเอว และโพกศีรษะ ผู้ชายโบราณมักนิยมสักแขนขา ลายด้วย หมึกสีดำ แดง ถือเป็นเครื่องรางและแสดงออกถึงความเป็นชายชาตรี

ผู้หญิง นิยมนุ่งผ้าซิ่นที่ทำจากผ้า ซึ่งลักษณะเด่นของซิ่นภูไท คือ การทอและลวดลายเช่น ทอเป็นลายนาคเล็กๆ นอกจากนี้มีลายอื่น ๆ เช่น หมี่ปลา หมี่กระจัง หมี่ข้อ หมี่ขอ ทำเป็นหมี่คั่นหรือหมี่ลวด ต่อด้วยหัวซิ่นและตีนซิ่นทั้งขิดและจก นอกจากนี้ยังพบผ้ามัดหมี่ฝ้ายสีขาวสลับดำย้อมใบครามหรือมะเกลือสีดำ เย็บต่อด้วยหัวซิ่นตีนซิ่น